รองโฆษกสำนักนายกเผย ประยุทธ์ ห่วง เด็กเข้าถึงสื่อลามก ง่าย สั่งดีอีเอสเร่งจัดการ วอนผู้ปกครองชั่วสอดส่องดูแล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม มีความห่วงใย กรณีปรากฎเป็นข่าวการจำหน่ายคลิปลามกอนาจารแพร่หลายผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเด็กและเยาวชน ที่สามารถเข้าถึงโดยง่าย จึงได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ฯลฯ ให้เข้มงวดกวดขัน การเผยแพร่สื่อที่ไม่เหมาะสมในโลกออนไลน์ ส่งผลเสียต่อเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นวัยสำหรับการเรียนรู้ โดยขอให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ต่อกรณีพบการกระทำความผิด
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังขอให้ผู้ปกครอง ช่วยกันสอดส่องดูแล
ให้คำแนะนำบุตรหลานในการใช้สื่อออนไลน์อย่างถูกต้องเหมาะสม โดยเชื่อว่า สถาบันครอบครัว จะมีส่วนสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเยาวชน ป้องกันการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจาร เช่นเดียวกับโรงเรียน ต้องช่วยให้เด็กและเยาวชน ได้เรียนรู้เท่าทันสื่อในโลกออนไลน์ เพื่อใช้ประโยชน์จากสื่อออนไลน์เพื่อเพิ่มองค์ความรู้ให้ได้มากที่สุด พร้อมกับรู้ทันพิษภัยของการเสพสื่อในทางที่ผิด
น.ส.ไตรศุลี ย้ำเตือนว่า การขายคลิปลามกอนาจาร มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา โดยกรณีสื่อลามก อายุตั้งแต่ 18 ปี ขึ้นไป เพื่อการค้า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ , ส่วนผู้ใดครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ทางเพศสำหรับตนเอง หรือผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ , และผู้ที่ส่งต่อ ซึ่งสื่อลามกอนาจารเด็กแก่ผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ฯลฯ ทั้งนี้ ยังมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ด้วย
เหตุยิงกันในพื้นที่สถานะถือว่าเกิดขึ้นได้ไม่บ่อยในประเทศฟิลิปปินส์ เนื่องจากเจ้าของปืนต้องมีใบอนุญาตในการถือปืนในที่สาธารณะ รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจมักจะถือปืนพกหรือลูกซองติดตัว และมักจะเห็นได้บ่อยครั้งในห้าง สำนักงาน ธนาคาร ร้านอาหาร หรือ แม้กระทั้งโรงเรียน
เขาและพี่เลี้ยงได้ช่วยกันนำเด็กออกมาจากบ้านได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี้พี่เลี้ยงเด็กบอกว่า เธอยังไม่พบเด็ก 6 ขวบ ทำให้นายบอสติคตามหาเด็กคนสุดท้ายภายในบ้านที่ถูกปกคลุมด้วยควัน ก่อนที่เขาจะพบตัวเด็กในที่สุด
‘ธนกร’ ซัดอีกหมัด ปมก้าวไกลแฉ สลน. ซื้อ iPad Pro อย่าหวังแต่เกาะกระแส
ธนกร ซัดพรรคก้าวไกลอีกหมัด ปมแฉ สลน. ซื้อ iPad Pro อัดอย่าหวังแต่เกาะกระแส ข้อมูลผิดแล้วยังไม่สำนึก จี้ขอโทษข้าราชการ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีที่นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ก้าวไกล เปิดเผยข้อมูลการขอจัดซื้อแท็บเล็ตประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 เพื่อใช้ในราชการของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ว่า นายจิรัฏฐ์ฯ โพสต์เฟซบุ๊กด้วยความสะเพร่ามาก เป็นถึงผู้แทนแต่แยกไม่ออกระหว่าง สลค.กับ สลน. ทำให้ข้าราชการ สลน. เสียหาย และยังกล่าวหาว่าพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีส่วนรู้เห็นจัด iPAD ตัวท็อปให้กับข้าราชการ
ตนจึงต้องออกมาชี้แจงความจริง สุดท้ายนายจิรัฏฐ์ฯ ได้ออกมาขอโทษว่าพูดชื่อหน่วยงานผิดและเขียนรายละเอียดไม่ชัดเจน ซึ่งเบามากเมื่อเทียบกับความเข้าใจผิดและความเสียหายที่เกิดไปแล้ว แต่กลับยังไม่สำนึกเที่ยวไปออกสื่ออธิบายรายละเอียดสเปกที่ตัวเองมโนขึ้น และดูถูกข้าราชการว่าทำงานแค่ประสานงานไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ที่มีสเปกดีมากก็ได้ ถือเป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจสิ้นดี เป็นความตั้งใจที่จะเอาข้อมูลมาโจมตีข้างนอกหวังผลทางการเมือง เพราะในวันที่ประชุมอนุกรรมาธิการพิจารณางบประมาณนายจิรัฏฐ์ฯ ไม่ได้ทักท้วงอะไร ไม่ถามอะไร ปากบอกเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ แต่ธาตุแท้เป็นแค่นักโฆษณาชวนเชื่อ
“ความจริงผมไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด แต่ข้าราชการที่เขาตั้งใจทำงานต้องมารับเคราะห์และเสียหาย ไม่มีโอกาสพูดออกสื่อแบบนายจิรัฏฐ์ฯ และอยากให้นายจิรัฏฐ์ฯ ตั้งสติ ศึกษาหาความรู้ให้แม่นยำ อย่าหุนหันพลันแล่นโดยไม่ไตร่ตรองให้ดีก่อน ใช้สมองส่วนหน้าคิดอย่าใช้แต่สมองส่วนหลัง โดยการจัดซื้อแท็บเล็ตของ สลค. เป็นการซื้อทดแทนของเดิมที่ใช้งานมานานแล้ว เหมือนกับการที่นายจิรัฏฐ์ฯ เปลี่ยนคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คที่เสื่อมสภาพตอนที่ยังเรียนหนังสืออยู่ เพื่อรองรับภารกิจของ ครม.ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ประโยชน์ของแท็บเล็ตช่วยให้สามารถเรียกดูและเก็บเอกสารวาระ ครม. จำนวนมาก ลดปริมาณการใช้กระดาษที่สัปดาห์หนึ่งต้องใช้ถึง 7,650 แผ่น และรักษาความลับทางราชการที่อาจส่งผลเสียต่อประเทศได้ หรือนายจิรัฏฐ์ฯ ต้องการให้ราชการไทยทำงานแบบเก่าและใช้เครื่องมือแบบห่วย ๆ อย่างนั้นหรือ” นายธนกร กล่าว
นายธนกร ยังกล่าวอีกว่า แท็บเล็ตของ สลค. 130 เครื่อง แบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 จำนวน 80 เครื่อง ใช้สำหรับ ครม.และผู้ร่วมประชุม มีหน้าจอขนาดใหญ่เพื่ออ่านไฟล์เอกสาร และเรียกดูข้อมูลแผนที่ วีดิทัศน์ มติ ครม.ย้อนหลังได้และรองรับการจัดเก็บข้อมูลไม่น้อยกว่า 4 ปี กลุ่มที่ 2 จำนวน 25 เครื่อง ใช้สำหรับบุคลากร สลค. สามารถเรียกดูระเบียบวาระการประชุม ทำงานได้ทั้งในและนอกสถานที่ และใช้สืบค้น มติ ครม. ย้อนหลังตั้งแต่ปี 2475 ข้อมูลราชกิจจานุเบกษา และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ซึ่งทั้ง 2 กลุ่ม ใช้ระบบ m-VARA ที่เชื่อมโยงกับระบบ iOS ที่มีความปลอดภัยสูง จึงต้องใช้เป็น iPAD นอกจากนี้ยังมีน้ำหนักเบา สะดวกต่อการขนย้ายไปประชุมนอกสถานที่ด้วย ส่วนกลุ่มที่ 3 จำนวน 25 เครื่อง ใช้สำหรับการประชุมภายในและการประชุมอื่นที่ สลค.เป็นฝ่ายเลขานุการ ใช้ได้ทั้ง iOS หรือ Android ลักษณะการใช้งานและสืบค้นใกล้เคียงกับกลุ่มที่ 2 รวมเป็นงบประมาณที่เสนอขอทั้งสิ้น 8,239,000 บาท ไม่ใช่ 10,000,000 บาท ตามที่นายจิรัฏฐ์ฯ กล่าวอ้าง
Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่าง